สบู่จิ๊กซอว์ ME by บุ๋ม-ตรีรัก ลด 50%

สบู่จิ๊กซอว์ ME by บุ๋ม-ตรีรัก จัดโปรสุดคุ้ม เชต 4 ก้อน ลด 50% เพียง 190 บาท
ลดข้ามปี มอบเป็นของขวัญปีใหม่ 2568 ซื้อได้ที่สยามพารากอน และทาง FB 

บริษัท ตรี ตรีรัก จำกัด ผู้จัดจำหน่ายสบู่จิ๊กซอว์ ME เกรดพรีเมี่ยม by คุณบุ๋ม ตรีรัก รักการดี สบู่จิ๊กซอว์ME เป็นสบู่ล้างหน้าออร์แกนิค ส่วนผสมจากสารสกัดธรรมชาติ เนื้อกลีเซอรีน อ่อนโยน ไร้สาร SLS / SLES ใช้ได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ช่วยฟื้นฟูและกู้ใบหน้าของทุกคนให้คืนกลับสู่ความสวยที่สดใส ดูอ่อนเยาว์ ชุ่มชื่น ไร้สิว และจุดด่างดำ ตอบโจทย์ทุกสภาพผิว มีทั้งหมดถึง 25 สูตร สามารถเลือกแมทซ์สูตรเองได้ตามสภาพผิวของผู้ใช้ ซึ่งแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ1. กลุ่มคุณสมบัติของผิวพรรณ 10 สูตร 2. กลุ่มสครับ 6 สูตร และ 3. กลุ่มน้ำหอม 9 กลิ่น 

สบู่จิ๊กซอว์ ME จัดโปรโมชั่นสุดคุ้ม ลดข้ามปี 50% สบู่เชต 4 ก้อน สามารถคละสูตรได้ บรรจุในกล่องสวยเก๋ดูดี เพียง 190 บาท จากราคาปกติ 380 บาท สามารถซื้อได้ตั้งแต่วันนี้ – 6 กุมภาพันธ์ 2568 ที่สยามพารากอน ชั้น 4 โซน Bath Accessories และซื้อได้ตั้งแต่วันนี้ – 31 มกราคม 2568 ที่ Facebook : TRI_Gangsters จะซื้อสบู่จิ๊กซอว์ ME ใช้เองก็ดี หรือซื้อเป็นของฝากให้แก่คนที่คุณรักหรือของขวัญปีใหม่ 2568 ให้กับคนพิเศษของคุณ ซื้อให้ใครรับรองผู้รับต้องชอบแน่ๆ สบู่จิ๊กซอว์ ME เชต 4 ก้อนใช้ได้นานเป็นเดือน การันตีคุณภาพทุกก้อน

สามารถติดตามข่าวสารโปรโมชั่น และข้อมูลเพิ่มเติมของสบู่จิ๊กซอว์ ME เกรดพรีเมี่ยม ทั้ง 25 สูตร
ได้ที่ Facebook : TRI_Gangsters, Line : @tri_gangsters และเว็บไซต์ http://trigangsters.com
หรือติดต่อสอบถามที่โทรศัพท์  02 040 1466 และ 063 351 9649

เริ่มต้นเทศกาลแห่งความสุขกับพิธีเปิดไฟต้นคริสต์มาสประจำปี 


ณ โรงแรมโอเรียนเต็ล เรสซิเดนซ์ กรุงเทพฯ

กรุงเทพฯ ประเทศไทย วันพฤหัสบดีที่ 4 ธันวาคม พ.ศ.2567 – โรงแรมโอเรียนเต็ล เรสซิเดนซ์ กรุงเทพฯ ได้จัดพิธีเปิดไฟต้นคริสต์มาสประจำปี ฉลองเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง โดยมีแขกผู้มีเกียรติ ได้แก่ ฯพณฯ นายแพทริก เบิร์น เอกอัครราชทูตไอร์แลนด์ประจำประเทศไทย  พร้อมด้วยภริยา นางโซนาลี เบิร์น ฯพณฯ นางฮูดา อะลี ชะรีฟ เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐมัลดีฟส์ระเทศไทย และนางทัตสึโกะ วิเบิร์ก ให้เกียรติร่วมกันเปิดไฟต้นคริสต์มาส ร่วมกับผู้บริหารระดับสูงจากกลุ่มบริษัทออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ ได้แก่ คุณฮาโรลด์ เอ็นริเก โอลายา เลออน รองประธานอาวุโสและหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการ ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป คุณวุฒิเวช เวชชบุษกร รองประธานอาวุโสและหัวหน้ากลุ่มการเงิน ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป คุณพรทิพย์ เป้าทอง รองประธานกรรมการแผนกการตลาด ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป คุณสุขมาล มอนเดล ผู้จัดการทั่วไปประจำพื้นที่กรุงเทพฯ และคุณยูวิน เทย์เลอร์ ผู้จัดการทั่วไปของโรงแรมโอเรียนเต็ล เรสซิเดนซ์ กรุงเทพฯ ได้ร่วมกันเฉลิมฉลองการเริ่มต้นเทศกาลแห่งความสุขท่ามกลางบรรยากาศอบอุ่น ณ บริเวณล็อบบี้สุดหรูของโรงแรม

ในปีนี้ โรงแรมโอเรียนเต็ล เรสซิเดนซ์ กรุงเทพฯ ยังเฉลิมฉลองความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่อีกสองด้าน ได้แก่ การได้รับรางวัล Michelin Key อันทรงเกียรติ ซึ่งยกย่องให้เป็นจุดหมายปลายทางที่ยอดเยี่ยมสำหรับประสบการณ์การเข้าพักสุดพิเศษ และการเข้าร่วมเป็นสมาชิก Small Luxury Hotels of the World (SLH) ซึ่งเป็นการก้าวสู่อีกขั้นสู่การเป็นโรงแรมระดับลักชัวรี่

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีมุม CSR ที่นำเสนอผลิตภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน อาทิ กระเป๋าหนังรีไซเคิลรักษ์โลก แก้วน้ำเก็บอุณหภูมิรักษ์โลก และตุ๊กตาหมี โดยรายได้ทั้งหมดหลังหักค่าใช้จ่ายจะนำไปบริจาคให้กับมูลนิธิ ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป เพื่อสนับสนุนโครงการด้านความยั่งยืนและเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 17 ประการขององค์การสหประชาชาติ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและสำรองห้องพักได้ที่ โรงแรมโอเรียนเต็ล เรสซิเดนซ์ กรุงเทพฯ โทร: +66 (0)2 125 9080

อีเมล: reservations.oriental@oriental-residence.com
เว็บไซต์: https://www.oriental-residence.com/bangkok

“อาร์ต – วศิน วรรณพฤกษ์” ศิลปินหน้าใหม่ค่าย “Alley1 Records ”

จากผู้บริหารสู่ศิลปิน “อาร์ต – วศิน วรรณพฤกษ์” ศิลปินหน้าใหม่ค่าย “Alley1 Records ” เปิดตัวเพลงซิงเกิลแรก “Thank You” 10 วัน 100,000 วิว

อีกหนึ่งก้าวสำคัญของ “อาร์ต – วศิน วรรณพฤกษ์” ผู้บริหารมากความสามารถและนักการตลาดรุ่นใหม่ที่มากด้วยประสบการณ์ด้านการสร้างแบรนด์สินค้า และการสื่อสารการตลาดมามากกว่า 30 ปี ที่หลายคนคุ้นหน้าในตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจองค์กร บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด(รฟฟท.) มีรางวัลการันตีในฐานะนักการตลาดยอดเยี่ยมมากมายจากหลายเวที เช่น รางวัลจากเวที Asia Top Awards 3 ปี ซ้อน ล่าสุดผันตัวสู่อีกหนึ่งบทบาทใหม่ในฐานะ ศิลปินคนล่าสุดของค่ายเพลง Alley1 Records ค่ายเพลงคุณภาพ พร้อมเปิดตัวเพลง “Thank You” ซิงเกิลแรกแนว pop soul ที่ได้Streamingพร้อมกันทั่วประเทศเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา และมิวสิกวิดีโอทาง YouTube: Alley1 Record MUSIC OFFICIAL ยอดวิวทะลุ 100,000 วิวเป็นที่เรียบร้อย
คุณอาร์ตได้เล่าถึงเส้นทางสายดนตรีว่า “จริงๆ เมื่อ 30 ปี ที่แล้วต้องทำเพลงออกอัลบัม แต่มีเหตุให้ต้องหยุดชะงักเนื่องจากต้องไปศึกษาต่อปริญญาโทที่ประเทศสหรัฐอเมริกา หลังจากกลับมาก็ทำงานในฐานะนักสื่อสารการตลาดและวางกลยุทธ์ สร้างแบรนด์สินค้า การตลาดและโฆษณา จนมาถึงระบบขนส่งทางรางในฐานะพนักงานรัฐวิสาหกิจตลอด 30 ปีเต็ม ตลอดชีวิตการทำงาน ผมรู้สึกว่าอยากเติมเต็มช่วงชีวิตที่หายไป จนกระทั่งมาปีนี้ ได้ค่ายเพลง Alley1 Record โดยมีหัวเรือใหญ่ พี่ต๋อง อภิชา สุขแสงเพ็ชร หรือ ต๋อง The Begins Music Director ของ The Voice Thailand ได้ชักชวนให้มาออกซิงเกิล ครั้งแรกที่ได้อ่านเนื้อเพลงแล้วรู้สึกว่าตรงกับตัวเรามาก พอได้ฟังทำนองด้วยแล้ว คือใช่เลย ทุกอย่างลงตัวมาก ความพิเศษของเพลงนี้คือมีเครื่องดนตรีประเภทเครื่องเป่าแสนคลาสสิค อย่าง Trombone เข้ามาบรรเลงในช่วงโซโล ทำให้เพลงนี้มีความไพเราะมาก


ด้านคุณต๋อง อภิชา เล่าให้ฟังว่า ได้แต่งเพลง Thank You โดยบอกเล่าชีวิตจริงของผู้ร้อง ซึ่งก็คือคุณอาร์ต วศิน เนื้อหาเพลงได้บอกเล่าเรื่องราวของความรักในอดีตที่แสนเจ็บปวดและการเติบโต แต่เราสามารถผ่านพ้นความรู้สึกเจ็บปวดนั้นได้โดยใช้เวลาเป็นตัวรักษาและเยียวยาความเจ็บปวดนั้น ซึ่งความพิเศษของเพลง Thank You นั้น มี Trombone มาประสานในช่วง Solo ทำให้เพลงมีความพิเศษเพิ่มขึ้น ดนตรีมันมีความพิเศษตรงที่มันเข้าถึงใจผู้คนได้อย่างรวดเร็ว เพลงเพียงไม่กี่นาทีสามารถทำให้คนยิ้ม หัวเราะ หรือร้องไห้ไปพร้อมกันได้ ผมจึงอยากสร้างเพลงที่เปิดโอกาสให้ศิลปินรุ่นใหม่ได้แสดงตัวตนอย่างเต็มที่ โดยไม่ถูกจำกัดด้วยกรอบของสไตล์หรือวัย ทุกเพลงของเราต้องเป็นเพลงที่ทำให้ผู้ฟังรู้สึกว่า ‘นี่คือเพลงของคุณ’ จริง ๆ

“Thank You” – ซิงเกิลแรกของศิลปินรุ่นใหญ่วัยเก๋า อาร์ต วศิน วรรณพฤกษ์ ถ่ายทอดพลังเสียงจากหัวใจ โดยได้นักแสดงที่คับคั่งด้วยความสามารถและมีผลงานมากมาย อย่าง น้ำฝน กุลณัฐ มาถ่ายทอดเรื่องราวของบทเพลง Thank You ส่งผ่านกำลังใจให้ทุกคนที่ล้มได้ลุกขึ้นยืนได้อย่างเข็มแข็ง กำกับ Music Video โดย คุณเอก หิรัญ สุวรรณเทศ จาก I Snap U Studio ซึ่งคุณเอกได้เล่าว่า อยากให้ Music Video มีความเป็น Life Dramatic หลังจากประชุมกับทีมงานแล้ว คนที่จะเหมาะที่จะมารับบทนางเอก Music Video นี้จะเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจาก คุณน้ำฝน กุลณัฐ ต้องขอขอบคุณ น้ำฝน กุลณัฐ ที่บินมาจากอเมริกาเพื่อถ่ายทำ Music Video นี้

“Thank You” เพลงซิงเกิลแรกของอาร์ต วศิน มีกระแสการตอบรับดีมาก โดยมียอดวิวใน You Tube ถึง 1 แสนวิวหลังจากปล่อยออกมาได้เพียงแค่ 10 วัน นับเป็นปรากฏการณ์ที่ทำเอานักร้องหน้าใหม่รุ่นใหญ่วัยเก๋า ถึงกับกลั้นน้ำตาแห่งความปลื้มปิติเอาไว้ไม่อยู่เลยทีเดียว.

รฟฟท.รับรางวัลองค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชนประเภทรัฐวิสาหกิจ ระดับ “ดีเด่น” ประจําปี 2568

บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด (รฟฟท.) รับรางวัลองค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชน ประจำปี 2568 (Human Rights Awards 2025) ประเภทองค์กรรัฐวิสาหกิจ ระดับ ”ดีเด่น” จากกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม 

นายสุเทพ พันธุ์เพ็ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด หรือผู้ให้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เข้ารับมอบรางวัลองค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชน “ระดับดีเด่น” ประจำปี 2568 (Human Rights Awards 2025) จากกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม เมื่อวันจันทร์ที่ 22 กันยายน 2568 โดยมี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลฯ ณ โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพมหานคร

ทั้งนี้ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 10 ประเภทองค์กรรัฐวิสาหกิจที่ดำเนินงานตามหลักสิทธิมนุษยชนในระดับดีเด่น ตอกย้ำความเป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญในการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชนอย่างเท่าเทียมควบคู่กับการให้บริการเดินรถไฟฟ้าที่มีมาตรฐานในระดับสากล โดยยึดมั่นในการนำหลักการเคารพสิทธิมนุษยชนมากำหนดเป็นกลยุทธ์และแนวทางในการดำเนินงาน โดยเฉพาะการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน ให้เป็นส่วนหนึ่งในการบริหารจัดการ เพื่อผลักดันและขับเคลื่อนให้องค์กรเติบโตและก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยการนำหลักสิทธิมนุษยชนมาประยุกต์ใช้และสร้างให้เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมองค์กร ส่งเสริมบุคลากรทุกคนให้มีความตระหนัก  ยึดมั่นการสร้างความยุติธรรมและความเท่าเทียม เคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ควบคู่กับการสร้างความน่าเชื่อถือและความโปร่งใสตามหลักธรรมาภิบาล รวมทั้งยังสร้างการมีส่วนร่วมและรักษาความสัมพันธ์อันดีกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ได้แก่ ผู้ใช้บริการ ชุมชนตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้า คู่ค้า และกลุ่มเปราะบาง อันจะส่งผลให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงการให้บริการขององค์กรได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และมีความเสมอภาค และบริษัทฯจะมุ่งมั่นพัฒนาเพื่อยกระดับมาตรฐานการให้บริการสู่เป้าหมายแห่งความสำเร็จอย่างยั่งยืน

โดยท่านสามารถติดตามรายละเอียดได้ทาง โซเชียลมิเดียทุกแพลตฟอร์ม Facebook Fan Page, Twitter , Instagram, Youtube, Tiktok พิมพ์ชื่อ
“RED Line SRTET” หรือส่วนบริการลูกค้า 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง และ www.srtet.co.th

“มากกว่าการเดินทางคือ …ความพิเศษ”
รถไฟฟ้าสายสีแดง ยกระดับคุณภาพชีวิตชานเมือง

วศิน วรรณพฤกษ์ รับรางวัล ผู้ส่งเสริมและสนับสนุน ทำคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติ

เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา นายวศิน วรรณพฤกษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจองค์กร บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในบุคคลดีเด่นที่ได้รับรางวัล “คุ้มเกล้าเยาวชนคนสร้างชาติ” ประจำปี 2568 ในสาขา “ผู้ส่งเสริมและสนับสนุน ทำคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติ” สาขาหนึ่งของรางวัล “ซึ่งมอบให้กับบุคคลหรือองค์กรที่สร้างคุณประโยชน์และทำความดีต่อสังคมไทยอย่างโดดเด่น เพื่อส่งเสริมค่านิยมที่ดีงาม เช่น การพัฒนาสังคม การอนุรักษ์วัฒนธรรม และการทำจิตอาสา

โดยจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 7 สำหรับปีนี้ รางวัลดังกล่าวเป็นรางวัลที่มอบให้แก่ผู้ทำความดีและสร้างคุณประโยชน์ต่อสังคมอย่างโดดเด่น จัดขึ้นโดยมูลนิธิคุ้มเกล้าเยาวชนคนสร้างชาติ เพื่อส่งเสริมให้คนไทยมีค่านิยมที่ดีงามตามหลักปรัชญา ส่งเสริมให้เยาวชนไทยได้ศึกษา คิดค้นสิ่งประดิษฐ์ พัฒนาสังคม อนุรักษ์วัฒนธรรม สืบสานศาสนา ส่งเสริมกีฬา และมุ่งมั่นจิตอาสาแบบบูรณาการ โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ หน่วยงานเอกชน นักเรียนและนักศึกษาทั่วประเทศ ร่วมรับรางวัล โดยได้รับเกียรติจาก ดร.สุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานในงาน และนายสมใจ วิเศษทักษิณ ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้มอบรางวัล ซึ่งจัดขึ้น ณ หอประชุมคุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ

จุดชมวิวผาย้อนตะวัน – เกษตรเชิงธรรมชาติ

มาเที่ยวสระบุรี หาลานกางเต็นท์ใกล้กรุงเทพฯ หามุมธรรมชาติที่ไม่เหมือนใคร แนะนำให้แวะลานกางเต็นท์ ผาย้อนตะวัน ดินแดนแห่งหุบเขาที่ครอบคลุมพื้นที่สระบุรี เป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอินธรรมชาติที่ไม่ควรพลาด ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติทำให้ที่นี่เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์และนานาพันธุ์ งดงามต่อใจ ใครที่ได้มาสัมผัสบรรยากาศของ วิวผาย้อนตะวัน

เมื่อไหร่ที่เราเงียบธรรมชาติจะส่งเสียงดัง ที่นี่มาเที่ยวได้ตลอดทั้งปี แต่ความสวยจะต่างกันตามฤดูกาล มาที่นี่รับรองได้ชมวิวหลักล้านของขุนเขา ทะเลหมอก ที่ลานกางเต็นท์ไม่ว่าจะมากับแก๊งส์ หรือ ยกครอบครัว หรือมากับคนรู้ใจ ดีงาม เหมาะแก่การมาเติมพลังใจ ละทิ้งความเหนื่อยจากการทำงาน วิวสวย โรแมนติก ชมแสงแรกของวัน ที่สาดส่องลงบนทะเลหมอก ตกเย็นชมอาทิตย์ตกดินไปพร้อมกับแสงของท้องฟ้าที่ไล่เป็นเฉดสีต่างๆ ก่อนจะชมแสงดาวนับล้านที่ส่องประกายในยามค่ำคืน ใครมีโอกาสได้มากางเต็นท์นอนท่ามกลางธรรมชาติที่นี่ รับรองฟินสุดๆ เป็นลานกางเต็นท์ใกล้กรุงเทพฯ อีกแห่งที่หลายคนบอกว่า มาเยือนแค่ครั้งเดียว ทำให้ตกหลุมรัก สำหรับนักท่องเที่ยวที่ตั้งใจมาค้างคืน บนผาย้อนตะวัน มีบริการบ้านพักและลานกางสำหรับนักท่องเที่ยว ทีทุกคนไม่ต้องเตรียมเต็นท์ไปเอง ที่นี่มีบริการที่หลากหลายตามความต้องการของท่าน

ลานวิวสวยริมผา สระบุรี และจุดชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของไทย ที่ผาย้อนตะวัน ลานกางเต็นท์ มวกเหล็ก จ.สระบุรี ลานสวยบรรยากาศดี ชมพระอาทิตย์ตกงามๆ จองล็อคได้ด้วย มีโซนแคมป์คาร์ บ้านพัก คาเฟ่เครื่องดื่ม มีน้องๆสัตว์ทั้งหลาย แกะ ไก่ นก กระต่ายให้ชม ห้องน้ำดีมีน้ำอุ่น กับลานครบครันสะดวกสบาย การเข้าพักต้องจองล่วงหน้าเท่านั้นนะคะ

ที่ผาย้อนตะวัน มีฝูงแกะน่ารักให้เด็ก ๆ ได้เพลิดเพลินลานกางเต็นท์กว้างขวาง วิวสวยรอบทิศอากาศสดชื่น เติมพลังใจได้เต็มที่

ผาย้อนตะวัน – เกษตรเชิงธรรมชาติ
298 ตำบล หนองย่างเสือ อำเภอมวกเหล็ก สระบุรี 18180
ติดต่อกางเต็นท์ที่เพจ : ผาย้อนตะวัน
โทร. 081 295 1999

#ผาย้อนตะวัน #ลานกางเต็นท์สระบุรี
#กางเต็นท์วิวภูเขา#ทริปครอบครัว #ทริปคู่รัก #หมอกยามเช้า #ชมพระอาทิตย์ตกดิน #เที่ยวเชิงธรรมชาติ #พักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ #campinglife #naturelover

DISNEY TOY EXPO THAILAND 2025

จัดยิ่งใหญ่ แฟนคลับดิสนีย์แห่ร่วมงาน สวรรค์ของนักสะสม แบรนด์ของเล่นระดับโลกร่วมสร้างสีสันเต็มพื้นที่

ก้าวเข้าสู่โลกของ Disney, Pixar, Marvel และ Star Wars – DISNEY TOY EXPO THAILAND 2025 เปิดฉากอย่างเป็นทางการแล้ว พร้อมตอกย้ำความยิ่งใหญ่ในฐานะหนึ่งในงานของเล่นของสะสมธีมดิสนีย์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตลอด 4 วันเต็ม งานได้รวบรวมทัพของเล่น ของสะสม และสินค้าลิขสิทธิ์จากแบรนด์ระดับโลก ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องราวสุดรักของ Disney, Pixar, Marvel และ Star Wars

วันเปิดงานเต็มไปด้วยแฟนดิสนีย์ นักสะสม และผู้เข้าชมทุกวัย ที่มาร่วมช้อปคอลเล็กชันใหม่ล่าสุดและสินค้าลิมิเต็ดที่ห้ามพลาด ธีมของปีนี้คือ “Discover the world of Disney” ที่ออกแบบมาเพื่อสร้างความประทับใจให้กับแฟน ๆ โดยมีไฮไลต์คือจุดถ่ายรูปสุดน่ารัก “Stitch Preserved Flower” ขนาดสูง 1.8 เมตร และกิจกรรม Meet & Greet กับเพื่อนคนพิเศษจากเรื่อง Lilo & Stitch ตอกย้ำประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางที่แฟนดิสนีย์ทั่วโลกต้องมาเยือน

งานนี้จัดโดย The Walt Disney (Thailand) Company Limited ร่วมกับ Asaki International Co., Ltd., Central Pattana Public Company Limited, Shopee (Thailand) Co., Ltd., Advanced Wireless Network Co., Ltd. และ Toytopia Co., Ltd. ซึ่งในปีนี้เป็นครั้งที่ 2 ต่อเนื่องจากความสำเร็จในปีที่ผ่านมา ตอกย้ำความนิยมในหมู่แฟนดิสนีย์และนักสะสม พร้อมทั้งช่วยขับเคลื่อนตลาดของสะสมและ art toy ในไทยให้คึกคักยิ่งขึ้น

Alex Baillie รองประธานและผู้จัดการทั่วไป Disney Consumer Products, South Asia Pacific กล่าวว่า “ความนิยมในของสะสมเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ art toy ที่กลายเป็นสิ่งที่ผู้คนรักและผูกพัน และเป็นสิ่งที่เชื่อมระหว่างแฟนๆกับเรื่องราวที่พวกเขาชื่นชอบ งาน Disney Toy Expo Thailand เป็นเวทีที่ยอดเยี่ยมในการแสดงให้เห็นว่า แบรนด์ต่าง ๆ ได้ตีความคาแรคเตอร์เหล่านี้ใหม่อย่างไร และทำให้สินค้าเข้าถึงทุกเจนเนอเรชันในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้

DISNEY TOY EXPO THAILAND 2025 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4–7 กันยายน 2025 ณ เซ็นทรัลเวิลด์ ครอบคลุมพื้นที่กว่า 1,700 ตร.ม. บน 3 ชั้นงาน มาพร้อมของเล่น ของสะสม ฟิกเกอร์ แกดเจ็ต อุปกรณ์เสริม ของตกแต่งบ้าน เครื่องนอน ไปจนถึงการคอลแลบสินค้าลิมิเต็ดอิดิชัน โดยรวบรวมแบรนด์ลิขสิทธิ์จากผู้จัดแสดง

สินค้าร่วม 40 ร้านค้า มากกว่า 50 บูธ และสินค้ากว่า 2,000 รายการให้มาเลือกชมและเลือกซื้อ กันในที่เดียวภายในงานจะมีสินค้าลิขสิทธิ์ที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก Disney, Pixar, Marvel และ Star Wars ที่มาพร้อมการจัดแสดงที่น่าประทับใจจากผู้นำอุตสาหกรรมในระดับโลก

ผู้แสดงสินค้าระดับโลกที่เข้าร่วมได้แก่
• อุปกรณ์มือถือ: Casebang (จีน)
• ของแต่งบ้าน: SundayHome (เวียดนาม), Bestine (จีน)
• ของขวัญและไลฟ์สไตล์: OH!SOME (สิงคโปร์)
• การ์ดสะสม: Bushiroad (ญี่ปุ่น), Disney Lorcana Trading Card Game (สิงคโปร์)
• ฟิกเกอร์สะสม: Hot Toys (ฮ่องกง), Blokees (จีน), Beast Kingdom (ไต้หวัน), Funko (สหรัฐฯ)
นอกจากนี้ยังมีแบรนด์ไทยที่มาในงานนี้ด้วยเช่น
• AppleSheep (แกดเจ็ตและอุปกรณ์มือถือ)
• Asaki (อิเล็กทรอนิกส์)
• SB Furniture (เฟอร์นิเจอร์และของใช้ในบ้าน)
• Taketoys (ตุ๊กตา Plush)

สินค้าเปิดตัวพิเศษ คอลเลคชั่นใหม่ Star Wars จาก Blokees , Aliens และ Lotso จาก BBToys ,แอคเซสซอรี Toy Story จาก Casebang และ Mickey Mouse จาก AppleSheep

โดยโปรโมชั่นพิเศษในงาน ส่วนลด 10%–30% โปรโมชั่น “ซื้อ 2 แถม 1” ซื้อครบ 1,000 บาท รับบัตรกำนัลมูลค่า 100 บาท เรียกได้ว่าเป็นงานใหญ่ที่จัดต่อเนื่อง และได้รับความสนใจจากแฟนคลับเข้าร่วมร่วมอย่างเนืองแน่น DISNEY TOY EXPO THAILAND 2025 จัดยิ่งใหญ่และจัดเต็มเพื่อแฟนคลับดิสนีย์จริงๆ

GIT สร้างปรากฏการณ์ 2 เวทีระดับโลก ดันไทยสู่ศูนย์กลางอัญมณีและเครื่องประดับสากล

สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GIT ประกาศความสำเร็จ 2 เวทีการประกวดระดับโลก ตอกย้ำศักยภาพไทยสู่ศูนย์กลางอัญมณีและเครื่องประดับโลกประจำปี 2025 อย่างยิ่งใหญ่ การประกวดออกแบบเครื่องประดับโลก ครั้งที่ 19 (The 19th GIT’s World Jewelry Design Awards 2025) และ การประกวดพลอยเจียระไนโลก (GIT’s World Challenge Gems Faceting Master 2025) การจัดงานทั้งสองไม่เพียงแต่เป็นการแข่งขันเพื่อชิงรางวัลอันทรงเกียรติ แต่ยังเป็นการยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของไทยให้ก้าวสู่ระดับโลกอย่างสง่างาม พร้อมทั้งสร้างภาพลักษณ์ประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางอัญมณีและเครื่องประดับของโลก โดยมีนายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ รมช.พาณิชย์ เป็นประธานในพิธีมอบรางวัล นางนันทวัน ศกุณตนาค ประธานคณะกรรมการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ กล่าวรายงานการจัดงาน ณ ลาน Living Hall ชั้น 3 ศูนย์การค้าสยามพารากอน 

นายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับไทย ถือเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งด้านการสร้างงาน การค้า และการลงทุน โดยมีมูลค่าการส่งออกรวมปีละกว่า 5 แสนล้านบาท ซึ่งล้วนมาจากภูมิปัญญาของช่างไทยที่สั่งสมกันมาทั้งความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบและความประณีตวิจิตรในการสร้างสรรค์ชิ้นงานจนเป็นที่ยอมรับในระดับโลก

GIT เป็นหน่วยงานในกำกับของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งที่ผ่านมาได้ส่งเสริมการสร้างนักออกแบบเครื่องประดับรุ่นใหม่ให้เป็นที่รู้จักในระดับสากล ผ่านการประกวดออกแบบเครื่องประดับระดับโลก ปีนี้จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 19 ได้รับความสนใจอย่างล้นหลามจากนักออกแบบทั่วโลกส่งผลงานเข้าร่วมประกวดและได้ส่งเสริมศักยภาพและทักษะการเจียระไนพลอยของช่างไทย ผ่านการประกวดพลอยเจียระไนระดับโลก 

ซึ่งปีนี้มีพลอยเจียระไนทั้งพลอยเนื้อแข็งและพลอยทั่วไป โดยการจัดประกวดดังกล่าว ถือเป็นการแสดงศักยภาพและสร้างภาพลักษณ์ประเทศไทยในฐานะ “ศูนย์กลางการค้าอัญมณีและเครื่องประดับโลก” และเป็นการช่วยยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของไทยสู่ระดับสากล”

นายสุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย ผู้อำนวยการ สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ กล่าวว่า จุดประสงค์หลักของการจัดโครงการคือการเปิดให้นักออกแบบรุ่นใหม่ได้แสดงความคิดสร้างสรรค์ ผลงานการออกแบบไม่เพียงสร้างรายได้และความแตกต่างทางการแข่งขัน แต่ยังเป็นการเสริมสร้าง “Soft Power” ที่ช่วยเผยแพร่เอกลักษณ์ของแต่ละประเทศออกมาผ่านเครื่องประดับ ในขณะเดียวกันยังเป็นสนามแห่งการเรียนรู้ การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และการต่อยอดสู่นวัตกรรมใหม่ ๆ ทั้งสองโครงการนี้ไม่เพียงแต่เป็นเวทีการแข่งขัน แต่คือเวทีแห่งการสร้างสรรค์และการเชื่อมโยง ที่จะผลักดันศักยภาพของไทยให้ก้าวไกลในตลาดโลก

GIT’s World Jewelry Design Awards ในปีนี้ได้รับความสนใจอย่างล้นหลามจากนักออกแบบทั่วโลก โดยมีผลงานส่งเข้าร่วมมากถึง 899 ผลงาน จาก 37 ประเทศ แบ่งเป็นผลงานจากต่างประเทศ 475 ผลงาน และจากประเทศไทย 424 ผลงาน นับเป็นสถิติที่สะท้อนถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องของการประกวดในระดับนานาชาติ ผู้ชนะจะได้รับรางวัลมูลค่ารวมกว่า 7,000 เหรียญสหรัฐ (กว่า 230,000 บาท) พร้อม โล่พระราชทานสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ซึ่งนับเป็นเกียรติสูงสุดในสายอาชีพ

นายสุเมธ กล่าวต่อว่า “ในอีกด้านหนึ่ง การประกวด GIT’s World Challenge Gems Faceting Master 2025 ได้รับผลงานรวม 55 เม็ด แบ่งเป็นพลอยเนื้อแข็ง 18 เม็ด และพลอยทั่วไป 37 เม็ด แต่ละผลงานสะท้อนให้เห็นถึงทักษะ ความวิริยะ และความประณีตที่ทัดเทียมมาตรฐานสากล โดยเวทีนี้ยังเป็นโอกาสในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และองค์ความรู้ระหว่างช่างฝีมือไทยกับช่างจากต่างประเทศ อันจะนำไปสู่การพัฒนาเทคนิคและยกระดับคุณภาพอุตสาหกรรมการเจียระไนของไทยให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

ความสำเร็จของการจัดทั้งสองโครงการในปีนี้ไม่เพียงเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงศักยภาพของนักออกแบบและช่างฝีมือไทย แต่ยังเป็นหมุดหมายสำคัญในการเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจของอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ตั้งแต่การผลิต ออกแบบ เจียระไน ไปจนถึงการสร้างแบรนด์และขยายตลาดระดับโลก GIT จึงตอกย้ำบทบาทในฐานะผู้นำการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับไทยให้เป็นที่ยอมรับในเวทีโลก ทั้งด้านคุณค่าเชิงศิลปะ เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม 

อีกทั้งยังได้รับกับสนับสนุนโดยรัฐบาลไทย ทั้งการส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็น Gem and Jewelry Hub ของโลก การยกเว้นภาษีนำเข้าอัญมณีบางประเภท การสนับสนุนการสร้างมาตรฐานอัญมณี และการผลักดันให้เกิดการพัฒนาทักษะแรงงาน เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้แก่ผู้ประกอบการไทยและเชื่อมโยงกับตลาดโลกอีกด้วย”

นอกเหนือจากความสำเร็จในการจัดการประกวดทั้งสองเวทีนี้ ในเดือนกันยายน GIT ยังเตรียมจัดงานระดับนานาชาติที่มีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนอุตสาหกรรม ร่วมกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ งาน Bangkok Gem & Jewelry Fair (BGJF) จะจัดขึ้นในวันที่ 9 – 13 กันยายน 2568 เป็นงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ดึงดูดผู้ซื้อและผู้ผลิตจากทั่วโลก ถือเป็นงานสำคัญที่สร้างมูลค่าการส่งออกมหาศาลและเสริมภาพลักษณ์ไทยในฐานะศูนย์กลางการค้าอัญมณีโลก  

และอีกหนึ่งงานสำคัญอย่าง International Gem and Jewelry Conference (GIT 2025) จะจัดขึ้นในวันที่ 8 – 9 กันยายน 2568 งานสัมมนาวิชาการนานาชาติที่รวมผู้เชี่ยวชาญ นักวิจัย และผู้ประกอบการจากทั่วโลก เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และนำเสนอนวัตกรรมใหม่ ๆ ในแวดวงอัญมณีและเครื่องประดับ อันจะช่วยยกระดับมาตรฐานและสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับอุตสาหกรรมไทยให้เติบโตต่อไป

ด้านผลการประกวดพลอยเจียระไนระดับโลก ภายใต้หัวข้อ “Jewel Mastery” ได้แก่ 

รางวัลชนะเลิศ รางวัลมูลค่า 2,000 เหรียญสหรัฐ พร้อมโล่รางวัลพระราชทานจาก สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ได้แก่  คุณภูเบศ สินสวัสดิ์  

รางวัลรองชนะเลิศลำดับ 1 ได้รับเงินรางวัล 1,000 เหรียญสหรัฐ พร้อมโล่เกียรติยศ จะเป็นของ คุณวีริศ แว่นไธสงค์

รางวัลรองชนะเลิศลำดับ 2 ได้รับเงินรางวัล 500 เหรียญสหรัฐ พร้อมโล่เกียรติยศ ได้แก่ คุณจันทร์หอม ปัญญากุล     

รางวัลที่ 4  รางวัลความคิดสร้างสรรค์ในการเจียระไน  ได้รับเงินรางวัล 500 เหรียญสหรัฐ พร้อมโล่เกียรติยศ ได้แก่ คุณเซ​ จึ่งต๊ะ

สำหรับผลการประกวดออกแบบเครื่องประดับครั้งที่ 19 (GIT’s World Jewelry Design Awards 2025) ได้แก่ 

–  รางวัลชนะเลิศ  เงินรางวัลมูลค่า 3,000 เหรียญสหรัฐ พร้อมพร้อมโล่พระราชทาน จากสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒนวรขัตติยราชนารี

  Mr. Tan Minghui ผลงานชื่อ In the prime of life ผลิตโดย บริษัท บริษัท บิวตี้เจมส์แฟคตอรี่ จำกัด 

– รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1  เงินรางวัลมูลค่า 2,000 เหรียญสหรัฐ พร้อมโล่เกียรติยศ 

Ms. Shirin Kazemi ผลงานชื่อ: Time network ผลิตโดย บริษัท ชายน์นิ่ง โกลด์ จำกัด

–  รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 2   เงินรางวัลมูลค่า 1,000 เหรียญสหรัฐ พร้อมโล่เกียรติยศ

Mrs. Qiu Linjie ผลงานชื่อ: Tomorrow’s Beauty ผลิตโดยบริษัท บริษัท เทวิกา จิวเวลรี่ จํากัด

– รางวัลชมเชย  เงินรางวัลมูลค่า 500  เหรียญสหรัฐ พร้อมโล่เกียรติยศ     

Mr. Hamed Ja’afari นําเสนอผลงานชื่อ: Echo of Eternity ผลิตโดย บริษัท รินญาดา จิวเวลรี่ จํากัด

– รางวัล GIT Popular Design ๒๐๒๕    เงินรางวัลมูลค่า 500  เหรียญสหรัฐ พร้อมโล่เกียรติยศ มีผู้ร่วมโหวตผลงานจากทั่วทุกมุมโลก กว่า 300,000 คะแนน คุณพลวัฒน์ ชอบสน กับผลงานชื่อ Giza Mustaqbal ด้วยคะแนนโหวต 123,259 คะแนน

การกลับมาอย่างยิ่งใหญ่: DISNEY TOY EXPO THAILAND 2025 ครั้งที่ 2

 การกลับมาอย่างยิ่งใหญ่: DISNEY TOY EXPO THAILAND 2025 ครั้งที่ 2จัดเต็มความสุขตลอด 4 วัน พบกับแบรนด์ของเล่น ของสะสมคอลเลกชันลิมิเต็ดจากเหล่าคาแรกเตอร์ต่างๆ

ดิสนีย์เดินหน้าสร้างสรรค์กิจกรรมระดับโลกในประเทศไทย ประกาศจัดงาน DISNEY TOY EXPO THAILAND 2025 ครั้งที่ 2 ซึ่งถือเป็นหนึ่งในงานรวมของเล่นและสินค้าคอลเลกชันลิขสิทธิ์ดิสนีย์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  งานมหกรรมครั้งนี้จะนำเสนอสินค้าลิขสิทธิ์ดิสนีย์จากแบรนด์ชั้นนำทั่วโลกกว่า 2,000 รายการ ครอบคลุมพื้นที่จัดงานกว่า 1,700 ตารางเมตร ที่เซ็นทรัลเวิลด์ แฟน ๆ เตรียมพบกับเซอร์ไพรส์มากมาย ทั้งกิจกรรม Meet & Greet สินค้าลิมิเต็ดเอดิชัน และกิจกรรมสุดพิเศษอีกมากมาย ตอกย้ำกระแสเติบโตของตลาดแฟนด้อม สินค้าคาแรกเตอร์ ของสะสม และอาร์ตทอย เข้าร่วมงานฟรี! ตลอด 4 วันเต็ม ตั้งแต่ 4–7 กันยายน 2568

งานนี้จัดขึ้นโดย บริษัท เดอะ วอลท์ ดิสนีย์ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับ บริษัท อาซากิ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด, บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน), บริษัท ช้อปปี้ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จํากัด และ บริษัท ทอยโทเปีย จำกัด สานต่อความสำเร็จจากการจัดงานครั้งแรกที่ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากแฟนดิสนีย์และนักสะสมของเล่น สร้างสีสันให้ตลาดของสะสมและอาร์ตทอยที่ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง

สำหรับปีนี้ งาน DISNEY TOY EXPO THAILAND 2025 มาพร้อมคอนเซปต์ “Discover the world of Disney” ชวนแฟน ๆ ก้าวเข้าสู่ดินแดนแห่งความสุขและความตื่นเต้น พร้อมสัมผัสสินค้าลิขสิทธิ์จากแบรนด์ระดับโลกมากมาย โดยมีเป้าหมายที่จะรวมหนึ่งในงานจัดแสดงอาร์ตทอยและของสะสมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มอบความสุขให้ทั้งผู้ร่วมงานชาวไทยและนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ

งานจัดขึ้นระหว่าง 4–7 กันยายน 2025 ที่เซ็นทรัลเวิลด์ ครอบคลุมพื้นที่ 3 ชั้น (กว่า 1,700 ตร.ม.) ปีนี้ขยายขนาดใหญ่มากขึ้น รวมกว่า 47 ร้านค้า 64 บูธ และสินค้าให้เลือกกว่า 2,000 รายการ พร้อมเปิดโอกาสให้ธุรกิจของเล่นและของสะสมทั้งไทยและต่างประเทศได้พบปะ เจรจาความร่วมมือ และขยายสู่ตลาดโลก

การจัดงานครั้งนี้สะท้อนถึงศักยภาพการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของตลาดของเล่นและของสะสม โดยเฉพาะกระแสอาร์ตทอยที่มาแรงอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับความต้องการสินค้าลิขสิทธิ์ที่ยังคงสูง ประเทศไทยถือเป็นตลาดสำคัญของดิสนีย์ ด้วยกลุ่มนักสะสมที่มีความหลากหลาย รสนิยมชัดเจน และกำลังซื้อที่มั่นคง ตัวละครดิสนีย์ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าศตวรรษยังคงครองใจแฟน ๆ ไม่เสื่อมคลาย

ไฮไลท์งาน
ผู้ร่วมงานจะได้พบกับสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟและสินค้าคอลเลคชั่นใหม่จากแบรนด์ชั้นนำระดับโลก อาทิ Beast Kingdom, Bestine, Blokees, Bushiroad, Casebang, Disney Lorcana Trading Card Game, Funko, Hot Toys , OH!SOME  และ SundayHome พร้อมเปิดตัวคอลเลกชันใหม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากคาแรกเตอร์ขวัญใจแฟน ๆ เปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทย

อย่าพลาดโซนถ่ายรูปสุดคิวต์กับ Stitch ขนาด 1.8 เมตรในรูปแบบ Preserved Flower ที่มอบทั้งความสุข ความทรงจำ และเสน่ห์สดใสให้นักสะสมได้เก็บภาพ รวมถึงกิจกรรม Meet & Greet สุดพิเศษกับเพื่อนตัวละครจาก Lilo & Stitch

ภายในงานยังมีโปรโมชั่นพิเศษจากบูธต่าง ๆ ลดราคาสินค้าระหว่าง 10%–30% พร้อมลุ้นรางวัลสุดตื่นเต้นและดีลสุดเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะในงานนี้เท่านั้น

อย่าลืมจดวันไว้!
ร่วมฉลองความยิ่งใหญ่ไปกับสินค้าลิขสิทธิ์แท้จาก Disney, Pixar, Marvel และ Star Wars ในงาน DISNEY TOY EXPO THAILAND 2025 วันที่ 4–7 กันยายน 2568 ที่เซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 1–3 เข้าร่วมฟรีตลอดงาน

ติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ www.facebook.com/dtxthailand2025 
และ Instagram @dtxthailand2025

อิสระ ชูภักดี ปลุกกกให้ได้เกิดทั้งคนปลูกคนทอคนทำ

ปลุกกกให้เกิด” ผ่านการสร้างระบบนิเวศที่เชื่อมโยงกันตั้งแต่ คนปลูก คนทอ จนถึงคนสร้างสรรค์ โดยใช้กระบวนการมีส่วนร่วมจากชุมชน ผสานดีไซน์ร่วมสมัยและแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อให้เสื่อกกไม่ใช่แค่วัสดุท้องถิ่น แต่กลายเป็นแรงบันดาลใจใหม่ในแฟชั่นและการใช้ชีวิตที่ยั่งยืน โดยการทำงานร่วมกับ ป้าๆ ที่พวกเราเรียกว่าแม่ครู ทุกคนยินดีสอนและให้คำแนะนำแบบไม่หวงวิชา พอได้ลงมือทำเองรู้เลยว่ายากมาก กว่าจะเป็นกกแต่ละเส้นไม่ใช่เรื่องง่าย จึงเข้าใจว่าทำไมคนรุ่นใหม่ไม่อยากทำ เพราะทำช้า ได้เงินน้อย ในขณะที่เรามองว่านี่แหละคืออาชีพที่ยั่งยืน ไม่ร่ำรวยแต่อยู่ได้ มีความสุข

นายอิสระ ชูภักดี (อิส) ชาวจันทบุรี New Young Craft ปี 2567 เจ้าของแบรนด์ กอกก ( korkok) จังหวัดจันทบุรี คนรุ่นใหม่ที่นำกกมาทำประโยชน์ สร้างเป็นแบรนด์ของตัวเอง คุณอิสจบปริญญาตรี วิชาเอกสื่อสารมวลชน คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ปัจจุบันทำธุรกิจส่วนตัวกับครอบครัว และเป็นคอลัมนิสต์ให้กับวารสารจันท์ยิ้ม จุดเริ่มต้นของการทำแบรนด์ (แรงบันดาลใจ)จากปลุกกกให้เกิด พัฒนาต่อยอดอย่างงดงาม KORKOK คือ แบรนด์กระเป๋าเสื่อกกจันทบูร ที่เกิดขึ้นจากความตั้งใจในการสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่นของชาวจันทบุรี 

“กกสองน้ำ” กกพื้นถิ่นที่เติบโตในน้ำกร่อย ให้เส้นใยเหนียว มันวาว สวยงาม ทอเป็นเสื่อกกจันทบูรที่มีคุณภาพ แข็งแรง ทนทาน ไม่ขึ้นรา งานหัตถศิลป์ร่วมสมัยที่ผสานภูมิปัญญา ความคิดสร้างสรรค์ และแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง สู่ผลิตภัณฑ์ GI มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ เพื่อชุมชนและสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน  ปกติคนทำกก พอตากแห้งแล้วก็จะเก็บเป็นสต๊อกไว้ทอเป็นเสื่อตลอดปี เราให้ป้าทอเสื่อให้ พอจะจ่ายเงิน ป้าบอกไม่เอาเงินแต่ขอเป็นกกแห้งแทน เงินดูจะไม่สำคัญเท่าการมีกกไว้ คนทำเสื่อเค้ารู้ดีว่าการมีกกแห้งไว้เหมือนมีทองคำประดับกาย คำว่ากกแพงกว่าทองคำนั้นดูจะเป็นเรื่องจริง เพราะกกคืองาน กกคือสร้างรายได้ กกคือชีวิต ฤดูกาลเก็บเกี่ยวในรอบนี้  ผลผลิตจาก กกสดราวๆ 700 กก. จ้างตัด จ้างจัก งบประมาณราวหมื่นกว่า ทำแห้งเสร็จรวมยอดได้ 139 กก. ราคาขาย กก.ละ 120 บาท รวมรายได้ 16,680 บาท แต่ในระหว่างขั้นตอน มีค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่งนี่-นั่นกระจายระหว่างทางที่ไม่ได้คิด เบ็ดเสร็จหักลบค่าต้นทุนกับรายได้ะพอดีกัน กำไรไม่เห็น แต่สิ่งที่ได้ คือ รอยยิ้มและความภาคภูมิใจ ต่อวงจรชีวิตกกเพื่อให้คงอยู่ การปลูกกกที่ไม่ได้หวังเพียงกำไร แต่เห็นรอยยิ้มของคนทำเสื่อ มีกกไว้ใช้ก็ดีใจแล้วทำเท่าที่กำลังไหว และจะทำต่อในวิถีชีวิตแบบคนจันทบุรี เราเข้าใจแล้วว่า ‘ขาดทุนคือกำไร‘ มันมีความหมายอย่างไร แม้จะเหนื่อยแต่มีความสุข 

KORKOK ที่เต็มไปด้วยรายละเอียดและเรื่องราว จากเส้นกกธรรมชาติสู่ดีไซน์ร่วมสมัย ผสานพลังของ ‘แม่ครูทอเสื่อ’ รุ่นเก๋า กับความคิดสร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่ สู่แฟชั่นไอเท็มที่งดงามและเปี่ยมเสน่ห์เหนือกาลเวลาจากสิ่งของที่เป็นเพียงเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน วันนี้เสื่อจันทบูรถูกพัฒนาต่อยอดเป็นของตกแต่ง ของที่ระลึก และสินค้าไลฟ์สไตล์ร่วมสมัย อาทิ กระเป๋า พรม ปลอกหมอน และของประดับบ้าน ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้ผลิตภัณฑ์แล้ว ยังเป็นการสร้างรายได้และโอกาสทางเศรษฐกิจแก่ชุมชนอีกด้วย

ปลุกกก ให้ได้เกิด ทั้งคนปลูก คนทอ คนทำ
TEL: 085 199 2488
FB  : KORKOK
IG  : KORKOKCHAN

เครดิตภาพ FB  : KORKOK

#KORKOK
#เสื่อกกจันทบูร
#SACIT #สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย
#KORKOK #เสื่อกกจันทบูร
#มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ
#ปลุกกกให้ได้เกิดทั้งคนปลูกคนทอคนทำ

SACIT ร่วมอนุรักษ์ภูมิปัญญาไทยผ่านงานกกและเสื่อจันทบูร สู่ผลงานสร้างสรรค์ร่วมสมัย

สืบสานหัตถศิลป์ถิ่นสีสันชุมชน” SACIT ร่วมอนุรักษ์ภูมิปัญญาไทยผ่านงานกกและเสื่อจันทบูร สู่ผลงานสร้างสรรค์ร่วมสมัย

จันทบุรี 24 กรกฎาคม 2568: งาน “สืบสานสู่สานต่อหัตถศิลป์ถิ่นสีสันของชุมชน” KOK Community ต้นน้ำ สู่ปลายน้ำ จันทบุรี จัดขึ้นในวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี จังหวัดจันทบุรี เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นจากครูช่างศิลป์และคนรุ่นใหม่ พร้อมเสวนาสุดเข้มข้นที่จะทำให้มองเห็นอนาคตใหม่ของงานหัตถกรรมไทย และส่งเสริมการเยี่ยมชมแหล่งผลิตเสื่อกกและผลิตภัณฑ์จากกก แหล่งเพาะปลูกกก และศูนย์หัตถกรรม จัดโดย สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ SACIT

ภายในงาน “สืบสานสู่สานต่อหัตถศิลป์ถิ่นสีสันของชุมชน” KOK Community ต้นน้ำ สู่ปลายน้ำ จังหวัดจันทบุรี ผู้เข้าร่วมงานจะได้สัมผัสเบื้องหลังความงามของงานศิลปหัตถกรรมไทย และเรื่องราวของการทอเสื่อกกอันเป็นเอกลักษณ์ ชมผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์จากเส้นกกที่ผสมผสานระหว่างความดั้งเดิมและการออกแบบสมัยใหม่ พร้อมกิจกรรมเวิร์กชอปผ่านการสาธิตจริงจากช่างฝีมือท้องถิ่นที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมได้ทดลองเรียนรู้และสร้างสรรค์ผลงานด้วยตนเองไฮไลต์กิจกรรมภายในงาน วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ได้แก่ การสาธิตการทอเสื่อกกแบบดั้งเดิม โดยช่างฝีมือท้องถิ่น, เวิร์กชอปเรียนรู้การออกแบบและสร้างสรรค์ผลงานจากกก, นิทรรศการและจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากเสื่อกกจันทบูร ทั้งแบบดั้งเดิมและร่วมสมัย และการเสวนาจากผู้เชี่ยวชาญด้านหัตถศิลป์และช่างฝีมือท้องถิ่นในหัวข้อ “ต้นน้ำที่กำลังจะสูญหาย” และ “โอกาสของกกในมิติต่างๆ” ที่จะทำให้มองเห็นศักยภาพและอนาคตใหม่ของงานหัตถกรรมไทย โดยครูจุไรรัตน์ สรรพสุข ครูช่างศิลปหัตถกรรม ประจำปี 2558 และคุณอิสระ ชูภักดี คนรุ่นใหม่ New Young Craft 2567

นางสาวแสงระวี สิงหวิบูลย์
รองผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย

นางสาวแสงระวี สิงหวิบูลย์ รองผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย กล่าวว่า SACIT มุ่งเน้นที่จะสร้างความยั่งยืน และสืบสานงานศิลปหัตถกรรมไทย จึงได้มีการส่งเสริมงานช่างฝีมือดั้งเดิมให้มีการประกอบอาชีพ และพัฒนากระบวนการสร้างสรรค์ศิลปหัตถกรรมไทย ทั้งด้านคุณภาพ มาตรฐานของผลิตภัณฑ์ และใส่ใจในสิ่งแวดล้อม ในทุกประเภทของงานหัตถกรรม และทั่วทุกภาคของประเทศ โครงการ “สืบสานสู่สานต่อหัตถศิลป์ถิ่นสีสันของชุมชน” KOK Community ต้นน้ำ สู่ปลายน้ำ จังหวัดจันทบุรี นี้ จึงจัดขึ้นเพื่อต่อยอดและส่งเสริมการสร้างรายได้ให้กับชุมชน สนับสนุนการอนุรักษ์งานหัตถศิลป์ สืบสานภูมิปัญญาการทอเสื่อกกของชุมชนจันทบุรี และสร้างความภาคภูมิใจในมรดกทางวัฒนธรรมไทยที่สืบทอดมายาวนาน รวมทั้งการต่อยอดงานหัตถศิลป์ให้เป็นผลิตภัณฑ์ร่วมสมัย เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ โดยเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่และนักท่องเที่ยวได้เรียนรู้และมีส่วนร่วม และช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและสร้างรายได้สู่ท้องถิ่นได้ในระยะยาว เสน่ห์ “กก” และ “เสื่อจันทบูร” หัตถศิลป์ทรงคุณค่าคู่ชุมชนจันทบุรี

“กก” คือพืชท้องถิ่นที่เติบโตได้ดีในพื้นที่ชุ่มน้ำของจังหวัดจันทบุรี ชาวบ้านนำมาผ่านกระบวนการเก็บเกี่ยว ตากแห้ง จัดเส้น และย้อมสีอย่างประณีต ก่อนนำมาทอเป็นเสื่อและของใช้ต่าง ๆ ซึ่งถือเป็นภูมิปัญญาที่สืบทอดจากบรรพบุรุษมาอย่างยาวนาน

จุดเด่นของ “เสื่อจันทบูร” อยู่ที่ความละเอียดในการทอ ลวดลายที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ และสีสันที่สดใสไม่ซ้ำใคร โดยฝีมือช่างผู้มีประสบการณ์ ประกอบกับคุณสมบัติของต้นกกในพื้นที่จันทบุรีที่มีลักษณะเฉพาะ มีความแข็งแรง คงทน ทำให้เสื่อมีความทนทาน มันวาว เหมาะสำหรับการใช้งานจริง และยังเป็นงานศิลป์ที่สะท้อนถึงรสนิยมและอัตลักษณ์ของชุมชน
จากสิ่งของที่เป็นเพียงเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน วันนี้เสื่อจันทบูรถูกพัฒนาต่อยอดเป็นของตกแต่ง ของที่ระลึก และสินค้าไลฟ์สไตล์ร่วมสมัย อาทิ กระเป๋า พรม ปลอกหมอน และของประดับบ้าน ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้ผลิตภัณฑ์แล้ว ยังเป็นการสร้างรายได้และโอกาสทางเศรษฐกิจแก่ชุมชนอีกด้วย

งาน “สืบสานสู่สานต่อหัตถศิลป์ถิ่นสีสันของชุมชน” KOK Community ต้นน้ำ สู่ปลายน้ำ จังหวัดจันทบุรี เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายสำคัญของสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ SACIT ที่ต้องการส่งเสริม สืบสานงานหัตถศิลป์ไทยร่วมกับชุมชน และนำไปสู่การร่วมกำหนดทิศทางและการดำเนินการร่วมกันในทุกภาคส่วน เพื่อให้การเชื่อมโยงงานศิลปหัตถกรรมเข้ากับมิติต่างๆ ของสังคม และการท่องเที่ยว โดยมีการขับเคลื่อนการดำเนินงานผ่าน “ครูศิลป์ของแผ่นดิน และครูช่างศิลปหัตถกรรม” และมีการบูรณาการการทำงานร่วมกับ ภาคีเครือข่าย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในท้องถิ่น มุ่งเน้นการสร้างโอกาสให้กับเครือข่ายต่างๆ ให้ได้ร่วมคิด ร่วมทำ เกิดความคิดและทางเลือกใหม่ ๆ เกิดพลังชุมชนที่เข้มแข็งจากฐานราก มีความพร้อมเป็นแหล่งเรียนรู้งานศิลปหัตถกรรมในพื้นที่ สร้างความเชื่อมโยงระหว่างผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรม วิถีชุมชน กับการท่องเที่ยวได้อย่างสมดุล ซึ่งช่วยให้ชุมชนสามารถพัฒนาสู่การเป็นแหล่งเรียนรู้งานศิลปหัตถกรรมและการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ศิลปหัตถกรรมไทย ตลอดจนเป็นส่วนสำคัญในการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้แก่ชุมชนอย่างยั่งยืน

ศ.ดร.ไมค์ ชาน แบ่งปันประสบการณ์ การบำบัดด้วยเซลล์ต้นกำเนิดในการย้อนวัยทางชีวภาพ

ศาสตราจารย์ Dato’ Sri Dr. Mike KS Chan อายุ 64 ปี ชาวมาเลเซีย ประธาน European Wellness Biomedical Group เป็นนักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย นักเขียน และนักการศึกษาเกี่ยวกับเซลล์ต้นกำเนิด ภูมิคุ้มกัน และการแพทย์ฟื้นฟูทางชีวภาพมานานกว่า 40 ปีในยุโรป

นอกจากนี้ Mike Chan ยังเป็นเจ้าของร่วมและผู้ก่อตั้ง European Wellness Biomedical Group ประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่บูรณาการในแนวตั้ง ประกอบด้วยแผนกสำคัญในด้านการวิจัยและพัฒนาทรัพย์สินทางปัญญา โรงงานผลิตไบโอเทคและไบโอฟาร์มา (เยอรมนีและสหภาพยุโรป) สถาบันการศึกษาและสถาบันวิชาชีพ การจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทั่วโลกใน 80 ประเทศ และศูนย์การแพทย์เพื่อสุขภาพ การวินิจฉัย และการฟื้นฟูเยาวชน 26 แห่งในยุโรปและเอเชียแปซิฟิก รวมถึงสวิตเซอร์แลนด์ เยอรมนี กรีซ จีน ฮ่องกง มาเลเซีย ไทย ฟิลิปปินส์ เม็กซิโก เวียดนาม กัมพูชา ลาว และบังคลาเทศ โดยมีลูกค้าระดับ VIP ได้แก่ ประธานาธิบดี ประมุขแห่งรัฐ ฮอลลีวูด ฮ่องกง และคนดังของจีน รวมถึงคนรวยและคนดัง Mike Chan เป็นผู้แต่ง/ผู้ร่วมแต่งหนังสือวิทยาศาสตร์มากกว่า 50 เล่มเกี่ยวกับเซลล์ต้นกำเนิด (รวมถึงหนังสือสำหรับสัตว์) การแก่ชรา ความผิดปกติของระบบประสาท และพัฒนาการทางระบบประสาท โรคเมตาบอลิก การแพทย์ชีวภาพและการฟื้นฟู และสิ่งพิมพ์ทางวิทยาศาสตร์และทางการแพทย์มากกว่า 100 ฉบับในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร

นอกจากนี้ Mike Chan ยังได้รับรางวัลระดับนานาชาติหลายรางวัลในด้านเทคโนโลยีชีวภาพในยุโรปและตะวันออกกลาง นอกจากนี้ Mike Chan ยังมีสิทธิบัตรระหว่างประเทศมากกว่า 40 ฉบับทั่วโลกสำหรับผลิตภัณฑ์ชีวเภสัชภัณฑ์หลายรายการ รวมถึงเซลล์ต้นกำเนิด เปปไทด์ การบำบัดด้วยภูมิคุ้มกันตนเอง และสารอาหารทางเส้นเลือด

ตั้งแต่กลางทศวรรษที่ 80 ด้วยทุนเริ่มต้นเพียง 10,000 เหรียญสหรัฐ ไมค์มีประสบการณ์ตรงจากการอยู่ภายใต้การดูแลของนักบำบัดเซลล์ที่เก่งกาจที่สุดในโลกหลายคนซึ่งมาจากสหภาพโซเวียต เยอรมนี และสวิตเซอร์แลนด์ Mike Chan ผู้บุกเบิกการแพทย์ฟื้นฟูทางชีวภาพ การบำบัดด้วยเซลล์/ออร์กาโน และการวิจัยเซลล์ต้นกำเนิดในยุโรป และหลังจากนั้นเป็นผู้นำบริษัทสวิสและเยอรมนีหลายแห่งที่มีชื่อเสียงด้านการบำบัดด้วยเซลล์เพื่อต่อต้านวัยให้ขยายตัวอย่างรวดเร็วไปทั่วโลก โดยมีการดำเนินการที่หลากหลายตั้งแต่การวิจัยและพัฒนาและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ไปจนถึงการผลิตและการจัดจำหน่าย และต่อมามีการริเริ่มการศึกษาแพทย์เพื่อปรับปรุงการใช้งานทางคลินิกของชีวเภสัชภัณฑ์

นอกจากนี้ Mike Chan ยังเป็นผู้บุกเบิกในการนำการวิจัยเซลล์ต้นกำเนิดและการบำบัดด้วยเซลล์เข้าสู่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นครั้งแรกในช่วงกลางทศวรรษ 1980 และนับจากนั้นเป็นต้นมา ไมค์ได้ริเริ่มโครงการการศึกษาสำหรับแพทย์และตัวแทนจำหน่ายผ่านเครือข่ายการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมใน 80 ประเทศ Mike Chan เป็นวิทยากรในที่สาธารณะบ่อยครั้ง โดยเขาได้บรรยาย สัมมนา และประชุมสัมมนามากกว่า 1,000 ครั้งทั่วโลกในสาขาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีชีวภาพ ชีวเภสัชภัณฑ์ ยาต้านวัย การแพทย์ฟื้นฟู และการบำบัดด้วยเซลล์ต้นกำเนิด

ปัจจุบัน Mike Chan ดำรงตำแหน่งคณะกรรมการและเป็นหัวหน้าคณะกรรมการวิทยาศาสตร์ด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟูของ ESAAM (European Society of Preventative, Regenerative and Anti-Aging Medicine) ซึ่งเป็นองค์กรวิทยาศาสตร์ด้านการป้องกัน ฟื้นฟู และต่อต้านวัยที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ก่อตั้งในปี 2003 และดำรงตำแหน่งประธานสมาคมแห่งเอเชียด้วย นอกจากนี้ เขายังเป็นรองศาสตราจารย์ของ AASCP (American Academy of Stem Cell Physicians) แห่งสหรัฐอเมริกา ประธาน A4M (American Academy of Anti-Aging Medicine) แห่งสหรัฐอเมริกาสำหรับประเทศไทยและเอเชีย สมาคมการแพทย์ฟื้นฟูของญี่ปุ่น MMJ (Multi-Dimensional Holistic Medical Team Japan) และผู้ก่อตั้งร่วมของ FCTI Precursor Stem Cells แห่งยุโรป ในปี 2018 และ 2019 Mike Chan ร่วมกับทีมแพทย์ของเขาได้นำการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพและการท่องเที่ยวเพื่อการศึกษาที่สำคัญมาสู่สวิตเซอร์แลนด์ เยอรมนี และมาเลเซีย โดยมีแพทย์จากสหรัฐอเมริกา โปรตุเกส เบลเยียม จีน สเปน สหราชอาณาจักร อินโดนีเซีย ไทย สิงคโปร์ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และตะวันออกกลาง ร่วมด้วย

นอกจากนี้ Mike Chan ยังเป็นสมาชิกวุฒิสภา BWA ประเทศเยอรมนี (สมาคมเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจและการค้าต่างประเทศสำหรับจีน อินโดนีเซีย และมาเลเซีย) และเป็นผู้นำ จ้างงาน และทำงานร่วมกับนักวิทยาศาสตร์และนักวิชาการชั้นนำจากทั่วโลก เช่น MIT, Oxford, Cambridge Heidelberg University และ University of Irvine, California เป็นต้น

Mike Chan ได้รับรางวัลมากมาย สำหรับความเป็นผู้นำ ผู้ประกอบการ การรับรองคุณภาพ และรางวัลความสำเร็จจากยุโรปไปจนถึงจีน เขาเป็นสมาชิกในองค์กรวิชาการและสมาคมมากกว่า 20 แห่ง นอกจากยังปรากฏตัวบนหน้าปกมากกว่า 30 แห่งทั่วโลก

เขาอาศัยอยู่ในเมืองโกตาคินาบาลู ซาบาห์ และยุโรปมาเป็นเวลากว่าสามทศวรรษ ความปรารถนาของเขาในฐานะชาวจีนมาเลเซียที่ภาคภูมิใจซึ่งมีเชื้อสาย “บูดักกัมปุง” ถือเป็นแรงบันดาลใจมาโดยตลอด โดยเขาเป็นรุ่นที่สามของชาวจีนเชื้อสายฝูเจี้ยนที่ต้องการนำเทคโนโลยีชีวภาพ การวิจัย และการศึกษาที่ทันสมัยระดับโลกมาสู่มาเลเซียและจีน ปัจจุบัน เขากำลังทำงานร่วมกับรัฐบาลซานตงของจีนเกี่ยวกับศูนย์เทคโนโลยีชีวภาพ การศึกษา และการวิจัยด้านการแพทย์ชีวภาพ/ฟื้นฟู และการบาดเจ็บจากกีฬาและการฟื้นฟูร่างกาย และได้รับเชิญให้เป็นวิทยากรผู้เชี่ยวชาญเรื่องเซลล์ต้นกำเนิดและโภชนาการสำหรับโควิด (รวมถึงการระบาดของโควิด 14 กุมภาพันธ์ 2020)

ขอบคุณข้อมูล ศาสตราจารย์ Dato’ Sri Dr. Mike KS Chan จาก
https://european-wellness.eu/advisory/prof-dr-mike-chan/

ติดตามข่าว ข่าววันนี้ การเมือง สังคม ธุรกิจ เศรษฐกิจ ตลาดหุ้น สิ่งแวดล้อม ไลฟ์สไตล์ ดนตรี ศิลปะ ภาพยนตร์